Daredevil เป็นเรื่องราวของของทนายตาบอด ที่ในยามค่ำคืนออกไปกระทืบผู้ร้าย มันไม่ได้เป็นเรื่องราวของของฮีโร่ชื่อว่า Daredevil ซึ่งบางตอนเขาเป็นทนายเกือบจะทั้งตอน และบางตอนเขาเป็นไอ้โหม่งดำเกือบทั้งตอน แล้วความสนุกที่เราได้รับมันดันเท่ากัน
Daredevil เรื่องราวสุดสนุกที่คอแฟนฮีโร่ไม่ควรพลาด
บุกคลิคของ Matt Murdock ไม่ใช่ทนายแสนเข้ม แต่เป็นเป็นมนุษย์ที่มีอารมณ์แบบปุถุชน เขาอาจไม่ใช่คนตลกเฮฮาตลอดเวลา แต่เวลาเขาปล่อยมุข เรารู้เลยว่าไอ้หมอนี่มันมีสเน่ห์ และต้องชมการแสดง Charlie Cox ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ที่ทำให้เรารู้สึกตลอดเวลาว่า Matt Murdock คือชายตาบอด วิธีที่เขามอง วิธีที่เขาเดินมันสมจริงมากจนเราเชื่อว่าหมอนี่มันตาบอดจริงๆ (ยิ่งถ้าเทียบกับเวอร์ชั่นหนังยิ่งเห็นความดีเลิศตรงนี้) วิธีที่เขาอธิบายวิธีที่ Matt ใช้พลังก็ถึงจะเกินจริงไปบ้าง แต่ก็พอเชื่อได้ ไม่ได้แฟนตาซีจ๋าไปเลย ขณะเดียวกันตัวละครสมทบต่างๆไม่ว่าจะเป็นเพื่อนทนาย Foggy Nelson เลขาสาว Karen Page นักข่าวจอมคุดคุ้ยประจำเมือง Ben Urich ล้วนสามารถกลายเป็วตัวละครที่แสนซ้ำซากแบบที่เราเห็นในหนังมาเป็นร้อยรอบได้ แต่หนังเลือกเพิ่มความซับซ้อนให้กับตัวละคร ให้เราเข้าใจว่าอะไรที่ผลักดันสิ่งที่เขาได้ทำ กำลังทำและสิ่งที่เขากำลังจะทำ ไม่ใช่แค่แต่ฝ่ายพระเอกที่ซับซ้อน ฝ่ายวายร้ายเองก็ไม่ต่างกัน เพราะหนังเลือกที่ใช้เวลาฝ่ายวายร้ายในระดับที่เกือบจะเท่ากัน แถมผลักดันให้เราเห็นด้านที่เป็นมนุษย์ ด้านเป็นสว่างของตัวละครนนี้ บุกคลิกที่โดดเด่นไม่แพ้ฝั่งพระเอก ที่ยืนอยู่พลังการแสดง และบทที่วางให้วายร้ายล้ำหน้าอยู่ก้าวนึงเสมอ ทำให้พวกเขาดูไม่ใช่แค่โจรกระจอก และแสดงให้เห็นโลกอาชญกรรมที่อยู่ในเงามืดที่เหล่า The Avengers ไม่อาจมองเห็นนั้นก็ร้ายกาจไม่ต่างจากการโดนเหล่าเอเลี่ยนบุก
อีกอย่างที่ต้องชมและถือเป็นจุดเด่นมากที่สุดคือคิวบู๊ ซึ่งก็ไม่ได้สร้างสรรค์อะไรใหม่ขึ้นมา แต่เป็นการหยิบจับสไตล์ของคิวบู๊ทั้งจาก Bourn ทั้งสามภาค คิวบู๊ทีดุดันสมจริง The Raid และคิวบู๊แบบลองเทคจาก Oldboy ซึ่งไม่ได้หาได้ง่ายๆในวงการภาพยนต์ แต่เรามาเจอในซีรี่ย์ (บ้าไปแล้ว) แล้วที่ทำให้ผมรักคิวบู๊ในเรื่องราวของนี้คือมันไม่ได้สมบูรณ์สวยงาม มันรุนแรงและดิบเถื่อน แต่ความรุนแรงเหล่านั้นไม่ได้ใช้เพื่อขายตัวมัน แต่เพื่อบอกว่าเรื่องราวของราวนี้สมจริงและโหดร้ายเพียงใด
สิ่งที่รักมากที่สุดคือโทนสีของเรื่องราวของที่เลือกใช้สีเหลืองและแดง ขับเน้นยามค่ำคืน ซึ่งเป็นสีของชุดแรกสุดของ Daredevil แต่สีนั้นคงไม่ได้เข้ากับโลกที่หนังพยายามจะสร้าง พวกเขาเลยเลือกสีพวกนั้นเป็นโทนของยามค่ำคืนแทน รวมถึงวายร้ายในเรื่องราวของที่ในคอมมิคเขามักใส่สูทขาว แต่มันคงโคตรตลกถ้าให้เขาใส่สูทขาวจริงๆ พวกเขาเลยเรื่องราวของจะสร้างบรรยากาศรอบตัวเขาเป็นสีขาวเอง รวมถึงงานโปรดักชั่นที่เหนือกว่าซีรี่ย์ทั่วไป มันไม่ได้รู้สึกเหมือนถ่ายในสตูดิโอ หรือเต็มไปด้วยซีจี รู้สึกเหมือนจริง และนั่นก็ยิ่งเสริมความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น สำหรับแฟนคอมมิค สิ่งที่อยากเห็นไม่ว่าในหนังหรือซีรี่ย์ก็คือ ‘Easter Egg’ หรือความลับต่างๆให้สำหรับแฟนพันธ์แท้ ซึ่งก็ทำให้ผมผิดหวัง เพราะส่วนใหญ่มันแค่ชื่อบนดาวเทียม หรืออะไรที่แค่แวบเข้ามา 5 วินาที ไม่ได้ผสานกลมกลืนหรือมีความหมายอะไรในเรื่องราวของราว แต่ในเรื่องราวของนี้ ‘Easter Egg’ ถูกใส่เข้ามาในฐานะส่วนหนึ่งในเรื่องราวของราว ผ่านตัวละคร สิ่งที่เขาพูด ที่บอกว่าโลกนี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่รู้ และรอเวลาที่จะกล่าวถึงเรื่องราวของราวเหล่านั้นในอนาคต ไม่ได้ใส่เข้ามาให้ฟินเล่นๆ
ท้ายที่สุด Daredevil คือซีรี่ส์ที่คุณไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนคอมมิค ไม่จำเป็นต้องแฟนฮีโร่มาเวลเรื่องราวของไหนมาก่อน ก็สามารถสนุก ตึงเครียด และลุ้นไปกับทนายตาบอดผู้นี้ได้ เพราะเนื้อแท้แล้วนี่คืองานชั้นดีที่ไม่ต้องอาศัยรสนิยมเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อผลักดันสิ่งที่มันจะมอบให้